แดดประเทศไทยมีความเข้มข้นของรังสี UV (Ultraviolet Radiation) ที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ครับ บอกกันตรงๆเลย หากได้รับการสัมผัสเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการออกแดดจัดและมีการสะสมของแสงแดดมาก ๆ ระวังเรื่องมะเร็งผิวหนังได้เลยครับ
ความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังของแดดประเทศไทย
- รังสี UV และมะเร็งผิวหนัง
- รังสี UV จากแสงแดดประกอบไปด้วย UV-A และ UV-B, ซึ่งทั้งสองชนิดนี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายแก่ DNA ในเซลล์ผิวหนังได้
- UV-A สามารถซึมลึกลงไปในผิวหนังชั้นลึก และส่งผลให้เกิด การเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และ ความชรา ของผิวหนัง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังในระยะยาว
- UV-B เป็นรังสีที่ทำให้เกิด การไหม้แดด (Sunburn) และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด การกลายพันธุ์ของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิด มะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะ มะเร็งผิวหนังชนิดเซลล์ฐาน (Basal Cell Carcinoma) และ มะเร็งผิวหนังชนิดเซลล์แผ่นหนังกระดูก (Squamous Cell Carcinoma)
- การสัมผัสแสงแดดในประเทศไทย
- ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรและมีแสงแดดที่ค่อนข้าง แรงและตรง ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่รังสี UV จะมีความเข้มข้นสูงที่สุด
- หากคนเรา สัมผัสแสงแดด ในช่วงเวลานี้บ่อย ๆ โดยไม่ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
- ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- การสัมผัสแดดมากเกินไป โดยไม่ทาครีมกันแดดหรือสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันรังสี UV
- การมีประวัติไหม้แดด หรือการโดนแดดจัดในวัยเด็ก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังในภายหลัง
- คนผิวขาว หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนังอาจมีความเสี่ยงสูงกว่า
- การสัมผัสแสงแดดโดยตรงในระยะเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ทำงานกลางแจ้งหรือออกกำลังกายภายใต้แสงแดดเป็นเวลานาน
- การป้องกันมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด
การป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีเพื่อ ลดความเสี่ยง ที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังจากการสัมผัสแสงแดด:
- ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหรือหลังจากเหงื่อออกหรือว่ายน้ำ
- หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงกลางวัน ระหว่าง 10.00 – 16.00 น.
- สวมเสื้อผ้าป้องกันแสงแดด เช่น หมวก, เสื้อแขนยาว, และกางเกงขายาว
- สวมแว่นกันแดด ที่ป้องกันรังสี UV เพื่อปกป้องดวงตา
- การตรวจเช็กสุขภาพผิว
- การตรวจสุขภาพผิวเป็นประจำและสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นบนผิวหนัง เช่น ปาน, แผล, หรือ ตุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงสี หรือ ขนาด เป็นการป้องกันมะเร็งผิวหนังในระยะเริ่มต้น
แดดแบบไหนเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง
- ช่วงเวลาของแสงแดด
- ช่วงเวลาที่รังสี UV เข้มข้นที่สุด คือระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. ในช่วงเวลานี้ รังสี UV จะมีความเข้มข้นสูงที่สุด และเป็นช่วงที่เราควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- แสงแดดในช่วงนี้สามารถทำให้เกิดการ ไหม้แดด (Sunburn) ได้ง่าย และเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิด มะเร็งผิวหนัง
- ความเข้มข้นของรังสี UV
- UV-A: รังสี UV-A จะซึมลึกเข้าไปในชั้นผิวหนัง (Dermis) และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการ แก่ก่อนวัย (Premature Aging) และความเสียหายของคอลลาเจน ซึ่งส่งผลต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังในระยะยาว
- UV-B: รังสี UV-B มีความสามารถในการทำให้ ผิวไหม้ (Sunburn) และทำให้เกิดการ กลายพันธุ์ของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดต่าง ๆ เช่น มะเร็งผิวหนังชนิดเซลล์ฐาน (Basal Cell Carcinoma) และ มะเร็งผิวหนังชนิดเซลล์แผ่นหนังกระดูก (Squamous Cell Carcinoma)
- ความแรงของแสงแดดในแต่ละภูมิประเทศ
- ในประเทศเขตร้อน เช่น ประเทศไทย, อินเดีย, หรือ ออสเตรเลีย ซึ่งมีแสงแดดแรงตลอดทั้งปี แสงแดดที่ได้รับในพื้นที่เหล่านี้มีความ เข้มข้นสูง และมี รังสี UV ที่มีผลต่อผิวหนัง มากกว่าพื้นที่ที่อยู่ในเขตหนาวหรือขั้วโลก
- ที่สูง (Elevation) หรือ ภูเขา: ในพื้นที่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล รังสี UV จะมีความเข้มข้นสูงขึ้น เพราะชั้นบรรยากาศบางลงและกรองรังสี UV ได้น้อย
- การโดนแสงแดดบ่อยครั้ง
- การ โดนแดดในระยะยาว โดยไม่มีการปกป้องผิวหนังจากแสงแดด (เช่น การทาครีมกันแดด หรือการสวมเสื้อผ้าป้องกัน) จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- การ โดนแดดในวัยเด็ก และมีประวัติ ไหม้แดด (Sunburn) ซ้ำ ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังในภายหลัง
- ผลกระทบจากแสงแดดที่มีการสะท้อน
- แสงแดดที่ สะท้อนจากผิวน้ำ (เช่น ทะเลหรือสระว่ายน้ำ), หิมะ, หรือ พื้นผิวสะท้อนแสงอื่น ๆ อาจทำให้เราได้รับการสัมผัสกับรังสี UV เพิ่มขึ้น เพราะมันสะท้อนกลับมาที่ผิวหนัง
- การไม่ปกป้องผิวจากแสงแดด
- การไม่ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่เพียงพอสำหรับการป้องกันรังสี UV, หรือการ ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ป้องกัน UV (เช่น เสื้อผ้าที่มีความหนาและป้องกัน UV) จะเพิ่มความเสี่ยงในการโดนรังสี UV และทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
การป้องกันจากแสงแดดเพื่อหลีกเลี่ยงมะเร็งผิวหนัง
เพื่อป้องกันมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ควรทำตามแนวทางดังนี้:
- ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากเหงื่อออกหรือว่ายน้ำ
- หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วง 10.00 น. – 16.00 น. โดยเฉพาะในวันที่แสงแดดแรง
- สวมเสื้อผ้าป้องกันแดด เช่น เสื้อแขนยาว, หมวกปีกกว้าง, และกางเกงขายาว
- สวมแว่นกันแดด ที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้
- ใช้ร่ม หรือหาที่ร่มเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
สรุป
แสงแดดที่มี รังสี UV-A และ UV-B ซึ่งมีความเข้มข้นสูงในช่วงกลางวัน (10.00 – 16.00 น.) และในพื้นที่เขตร้อน เช่นประเทศไทย สามารถทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้หากได้รับการสัมผัสโดยไม่ป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นเวลานานครับ
และใครยังไม่มีงบในการซื้อร่ม ก็ต้องนี่เลยครับ Globallotto หวยไทยและต่างประเทศแบบถูกกฎหมาย ในรูปแบบหวยออนไลน์ มีรัฐบาลให้การรับรอง และออกใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย อัตราจ่ายสูง และสามารถยกเลิกได้ฟรี